หากผู้สูงอายุที่บ้านของคุณ มีพฤติกรรมและอารมณ์ที่เปลี่ยนไป มีอาการหลงลืม สับสนเรื่องเวลา สถานที่ ไม่สามารถรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และใช้ภาษาผิดปกติ พฤติกรรมเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญให้ระวังการเป็นโรคอัลไซเมอร์ โดยข้อแตกต่างสำคัญระหว่างผู้ที่มีอาการขี้ลืมหรือหลงลืมตามวัย กับการเริ่มเข้าสู่กลุ่มเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ มีข้อสังเกตที่ต้องใช้ความใส่ใจและวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด
โรคอัลไซเมอร์ คืออะไร?
โรคอัลไซเมอร์ พบเป็นสาเหตุหลักของภาวะสมองเสื่อม มีอาการสูญเสียความทรงจำแบบค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้นตามลำดับ สัญญาณเริ่มแรก คือ การลืมเหตุการณ์ ลืมการสนทนาหรือกิจวัตรประจำวัน หลังจากนั้นผู้ป่วยอาจสูญเสีย การตัดสินใจ การวางแผน และการช่วยเหลือตนเอง ปัจจุบันมีวิทยาการในการตรวจวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ และมีการรักษาด้วยยาและการปรับพฤติกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบสมอง อย่างไรก็ดีโดยในระยะท้ายของโรค ผู้ป่วยจะสูญเสียความสามารถในการทำงานของสมองเป็นอย่างมากจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และอาจเกิดการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนได้
อาการของโรคอัลไซเมอร์
อาการของโรคอัลไซเมอร์จะดำเนินไปเรื่อยๆ กินเวลาหลายปี โดยจะแสดงอาการตามระยะเสื่อมของสมอง 3 ระยะ ดังนี้
อาการระยะแรก
อาการระยะแรกของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ เริ่มด้วยความขี้หลงขี้ลืม ลืมเรื่องที่เพิ่งพูดไปหรือลืมเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น ย้ำคิดย้ำทำ และถามคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ลังเล ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ได้ รวมถึงมีความวิตกกังวลมากขึ้น ตื่นตกใจง่าย อาจมีอารมณ์เปลี่ยนแปลง
อาการระยะปานกลาง
หากผู้ป่วยละเลยอาการเริ่มต้น คิดว่าเป็นเพียงความขี้ลืมปกติ ปัญหาความจำอาจแย่ลงจนไม่สามารถจำชื่อคนรู้จัก หรือไม่สามารถลำดับเครือญาติคนใกล้ชิดได้ว่าใครเป็นใคร รวมถึงอาจมีอาการสับสน ลืมวันเวลา นอนไม่หลับ และที่พบบ่อย คือหลงทาง ไม่สามารถหาทางกลับบ้านเองได้ ความรุนแรงของอาการระยะปานกลางอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หรือเกิดภาวะซึมเศร้า
อาการระยะสุดท้าย
เป็นระยะที่รุนแรง จนผู้ป่วยเกิดภาพหลอน เรียกร้องความสนใจ หรือก้าวร้าวขึ้น อาการทางกาย เช่น เคี้ยวอาหารและกลืนได้ลำบาก เคลื่อนไหวช้าลง หรือไม่สามารถเดินเองได้ ปัสสาวะหรืออุจจาระเล็ด เนื่องจากกลั้นไม่อยู่ และสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องพึ่งพาผู้อื่นในเรื่องง่ายๆ เช่น ป้อนข้าว อาบน้ำ ฯลฯ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์
– โรคอัลไซเมอร์มักพบในช่วงวัยอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
มีงานวิจัยหนึ่งศึกษาพบว่า จากกลุ่มประชากรทั้งหมด 1,000 คน แต่ละปีในช่วงอายุ 65 ปี ถึง 74 ปี มีการพบผู้ป่วย 2 คน ในช่วงอายุ 75 ปี ถึง 84 ปี มีการพบผู้ป่วย 11 คน และในช่วง 85 ขึ้นไปมีการพบผู้ป่วย 37 คน สนับสนุนว่าอายุที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค
– ประวัติครอบครัว และกรรมพันธุ์
กลไกทางพันธุกรรมในครอบครัวส่วนใหญ่ของโรคอัลไซเมอร์ยังคงไม่สามารถอธิบายได้ แต่หากมีประวัติบุคคลคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคนี้จะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคอัลไซเมอร์มากขึ้น ในปัจจุบันมีการค้นพบว่า หากมีพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง apolipoprotein E (APOE e4) ผิดปกติ จะส่งผลให้เป็นโรคอัลไซเมอร์ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีการเปลี่ยนแปลงของพันธุกรรมนี้จะเกิดโรคทั้งหมด
– โรคดาวน์ซินโดรม
คนที่เป็นโรคดาวน์ซินโดรมจำนวนมากจะพบภาวะโรคอัลไซเมอร์ร่วมด้วย โดยมีอาการเร็วกว่าคนปกติทั่วไป 10 หรือ 20 ปี สาเหตุหลักเป็นผลจากพันธุกรรมของโครโมโซมคู่ที่ 21
– การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
บุคคลที่มีการบาดเจ็บทางศีรษะอย่างรุนแรงจะมีความเสี่ยงต่อเป็นอัลไซเมอร์
– การนอนหลับที่ผิดปกติ
มีงานวิจัยพบว่า บุคคลที่มีปัญหาในการนอนหลับ เช่น การหยุดหายใจขณะนอนหลับ จะมีความเสี่ยงสูงกับการเป็นโรคอัลไซเมอร์
– วิธีการดำเนินชีวิตและโรคร่วม
การขาดการออกกำลังกาย โรคอ้วน การสูบบุหรี่ โรคเบาหวานประเภท 2 ภาวะความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอล โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
10 สัญญาณเตือน! คุณอาจเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์
1. มีการหลงลืมสิ่งที่รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น ลืมในสิ่งที่เพิ่งผ่านเข้ามาเร็วๆ นี้ ลืมวันหรือเหตุการณ์สำคัญ ถามซ้ำแล้วซ้ำอีก ต้องอาศัยสิ่งช่วยจำ เช่น สมุดจด หรือ บุคคลในครอบครัว คอยช่วยเหลือ
2. สูญเสียความสามารถในการวางแผนหรือแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เช่น ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ เป็นขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง เช่น ลืมขั้นตอนการจ่ายเงินเมื่อไปธนาคาร หรือการขับรถ
3. รู้สึกยากลำบากในการทำงานที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะที่บ้าน ที่ทำงาน หรือเวลาพักผ่อน เช่น ไม่สามารถขับรถไปในสถานที่ที่ไปเป็นประจำ หรือ จำกฎกติกาของกีฬาที่เล่นประจำไม่ได้
4. รู้สึกสับสนกับเวลาหรือสถานที่ในขณะหนึ่ง เช่น ไม่รู้วันที่ ฤดูกาล และเวลา ลืมสถานที่ที่ตัวเองอยู่หรือไม่รู้ว่าจะไปสถานที่นั้นๆอย่างไร
5. รู้สึกลำบากที่จะเข้าใจในภาพที่เห็นและความสัมพันธ์ระหว่างภาพที่เห็นกับตัวเอง เช่น อ่านหนังสือเข้าใจลำบากขึ้น กะระยะทางยากขึ้น วางของบนโต๊ะแต่มักปล่อยลงก่อนถึงโต๊ะ บอกสีต่างๆ ยากขึ้น
6. รู้สึกมีปัญหาในการค้นหาหรือใช้คำที่เหมาะสมในการพูดหรือเขียน เช่น มักจะหยุดระหว่างกำลังสนทนาและไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรต่อ หรืออาจพูดคำ ประโยคซ้ำๆ
7. ลืมของไว้ในที่ที่ไม่ควรวางหรือเก็บไว้ และไม่สามารถย้อนนึกกลับไปได้ว่าวางไว้ที่ใด เช่น เก็บรองเท้าไว้ในตู้เย็น
8. ความสามารถในการตัดสินใจลดลงหรือสูญเสียไป เช่น ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับตนเอง ไม่สระผม ไม่อาบน้ำ เมื่อจะไปงานสำคัญ
9. มีการแยกตัวออกจากงานที่ทำหรือกิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น ปกติจะไปเล่นกีฬา พบปะเพื่อนทุกสัปดาห์ แต่วันหนึ่งกลับไม่ไปโดยไม่มีเหตุผลใดๆ
10. รู้สึกว่าอารมณ์และบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไป เช่น ดูสับสน วิตกกังวล หวาดกลัว
หากพบสัญญาณเตือนข้อใดข้อหนึ่ง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ตั้งแต่เริ่มแรกและรับการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด รวมถึงสามารถวางแผนอนาคตให้ตัวเองได้
อย่างไรก็ตามไม่มีใครอยากเป็นโรคอัลไซเมอร์จึงควรดูแลตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ คือหมั่นบริหารสมอง เช่น อ่านหนังสือเป็นประจำ ดูแลสุขภาพจิตให้ดี รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เสริมด้วยวิตามินและสารอาหารอย่าง “น้ำมันปลาแซลมอน” (Salmon Oil) ที่มี Omaga-3 ครบถ้วนทั้ง DHA, EPA และ DPA ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของสมอง ระบบประสาท และหลอดเลือดหัวใจ
สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้สูงอายุที่บ้านมีสัญญาณอาการดังกล่าว หรือข้อใดข้อหนึ่ง ควรเริ่มตรวจวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ เพราะโรคนี้หากรู้เร็ว รักษาทัน ป้องกันภาวะอัลไซเมอร์ด้วยการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
https://www.nia.nih.gov/health/what-alzheimers-disease
https://www.nia.nih.gov/health/alzheimers-disease-fact-sheet
https://www.nia.nih.gov/health/what-are-signs-alzheimers-disease
https://www.alzheimers.org.uk/about-dementia/types-dementia/who-gets-alzheimers-disease